Hosting คืออะไร ? ปัจจัยสำคัญก่อนเริ่มทำเว็บไซต์
“Hosting” เชื่อค่ะว่าหลาย ๆ คน เคยเห็น เคยได้ยิน แต่ก็อาจจะไม่รู้จักว่ามันคืออะไร ซึ่งก็แน่นอนค่ะว่าคำ ๆ นี้ก็เป็นคำเฉพาะที่ใช้ในการทำงานบนคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นการทำงานที่ต้องอาศัยเงินเป็นปัจจัยนะคะเพราะจะได้รับประสิทธิภาพที่ดีกว่า แต่หากเราพูดแบบนี้ก็ยังคงไม่เข้าใจกันใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นวันนี้บทความของเราก็จะมาแชร์เรื่องราวของ Web Hosting ให้ทุกท่านได้รู้จักกันค่ะ ว่าเขาคืออะไร มีหน้าที่อะไร และมีข้อดีข้อเสียอย่างไรกันบ้าง
Web Hosting คืออะไร
Web Hosting หรือ Hosting คือ บริการเซอร์เวอร์หนึ่งที่เป็นพื้นที่จัดเก็บข้อมูลของเว็บไซต์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นไฟล์รูปภาพ , ไฟล์วีดีโอ , หรือไฟล์งานนามสกุลต่าง ๆ เป็นพื้นที่จัดเก็บสำคัญต่อการทำเว็บไซต์ หรือ ทำให้เว็บไซต์นั้นๆสามารถออนไลน์ได้ เป็นจุดเชื่อมต่อของคนทั้งโลก ซึ่งสามารถเข้าได้จากทั่วทุกมุมโลก โดยความสามารถของเขาก็จะเปรียบเสมือนคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่องค่ะ ที่เอาไว้ใช้ในการเก็บข้อมูลโดยเฉพาะ เราจึงสามารถเห็นได้ว่าตามบริษัทหรือองค์กรใหญ่ ๆ นั้น มักจะมี Web Hosting เอาไว้สำหรับการเก็บข้อมูลเหล่านี้นั่นเอง หรือ เราก็สามารถไปเช่าเว็บโฮสติ้ง จากผู้ให้บริการได้ ซึ่งในไทยก็มีหลากหลายแห่งนั้นเอง
Web Hosting ทำหน้าที่คล้ายกับบริการฝากไฟล์ต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น Google มีบริการที่เรียกว่า Google Drive แต่สิ่งที่แตกต่างไปจากพื้นที่ฝากไฟล์ปกติ คือ ตัวเว็บโฮสติ้ง จะทำงานร่วมกับ Domain ซึ่งตัวโดเมนเนม เปรีบบเสมือนประตูบานสำคัญ ไว้ใช้เปิดเพื่อให้คนได้เข้าชมข้อมูลเหล่านั้นนั่นเอง ก็เท่ากับว่า โฮสติ้งฝากไฟล์ข้อมูลได้จริง แต่หากไม่มี โดเมนเนม (ยกตัวอย่าง : lightdd.net คือ Domain name ของเว็บเรา) และ สคริปเว็บไซต์ หรือ หน้าแสดงผลเว็บไซต์ ก็อาจทำให้การแสดงข้อมูลต่างๆทำได้ยากขึ้นนั้นเอง อีกทั้งเพื่อความปลอดภัย และไม่ทำให้ข้อมูลของเราสูญหาย การเลือกใช้บริการโฮสติ้งที่มีคุณภาพ ก็ถือเป็นปัจจัยเริ่มต้นที่สำคัญมากๆเช่นกัน
ปัญหาที่พบเจอได้บ่อย ของ Web Hosting
- ล่มบ่อย : มีผลต่อการแสดงหน้าเว็บไซต์เราอย่างแน่นอน ซึ่งในระยะยาว หากเว็บไซต์เราเป็นเว็บขายสินค้า หรือ บริการต่างๆ ก็นับว่าเป็นเรื่องไม่ดี เสียผลประโยชน์ได้
- Support ไม่ดี : การซัพพอร์ตถือเป็นเรื่องสำคัญเสมอในการใช้บริการ เพราะ ปัญหาไม่คาดคิดในการใช้โฮสติ้งก็เกิดขึ้นได้เสมอ รวมไปถึงการปรับแต่งเว็บไซต์ แก้ไขต่างๆ การได้รับการ support ที่ดีในการทำงาน นั้นสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
3 ประเภทของ WEB Hosting
1. VPS Hosting
VPS Hosting (Virtual Private Server) คือ บริการ Server เสมือนจริง ซึ่งก็จะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่าแบบอื่น ๆ โดยที่การทำงานของ VPS Hosting นี้ จะมีความคล้ายกับการทำงานของ Dedicated Server หลาย ๆ เครื่อง มัดรวมอยู่ในเครื่องเดียวกันในการทำงาน ซึ่งก็จะช่วยให้ผู้ใช้งานนั้นรู้สึกเหมือนกับเป็น Server ของผู้ใช้งานจริง ๆ โดยจะเป็นโฮสท์ติ้งที่เรียกได้ว่ามีประสิทธิภาพมาก ๆ ในแบบที่ว่าไม่ต้องกลัวการสูญหายของข้อมูล หาก VPS ตัวใดตัวหนึ่งเกิดการสูญหายหรือเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมา ก็ไม่ได้ส่งผลต่อ VPS ตัวอื่น ๆ เกิดข้อผิดพลาดหรือสูญหายตาม จึงทำให้เขามีประสิทธิภาพในการทำงานมากกว่า แถมยังสามารถปรับเปลี่ยน Configurations ต่าง ๆ ให้ได้ตรงตามความต้องการในการใช้งานอีกด้วย
2. Shared Hosting
Shared Hosting คือ บริการ Server ที่แบ่ง Hosting กันใช้ โดยจะพบได้มากตามบริษัทที่เป็นธุรกิจรายย่อย ซึ่งเหตุผลที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าการใช้งานหรือค่าบริการของ Shared Hosting นั้นจะมีราคาที่ต่ำมาก ๆ บางแพ็คเกจจะอยู่ที่ประมาณพันต้น ๆ ต่อปีเท่านั้น ซึ่งก็เหมาะกับการทำงานที่จะต้องแบ่งกันใช้จริง ๆ ค่ะเพราะมักจะมีปัญหาเรื่องของพื้นที่การจัดเก็บข้อมูลที่ไม่เพียงพอ เพรามีผู้ใช้งานหลายคนเข้าใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Webmail , Website , รวมไปถึง Software ซึ่งก็จะทำให้กินพื้นที่อยู่พอสมควร
ดังนั้นเขาจึงมีแพ็คเกจหลากหลายแพ็คเกจที่ให้ได้เลือกใช้งานกัน ซึ่งก็จะขึ้นอยู่กับความจำเป็นและความต้องการในการเก็บข้อมูลต่างๆ ว่ามากน้อยเพียงใดนั่นเอง แต่ในเรื่องของประสิทธิภาพนั้น เอาจริง ๆ แล้วก็ไม่ได้น้อยหน้า VPS Hosting เลยนะคะ เพียงแค่ VPS Hosting เขาจะเป็นการใช้งานในองค์กรให่าเสียมากกว่า แถมค่าบริการก็ยังแพงกว่า หากเราเป็นบริษัทเล็ก ๆ หรือเป็นการทำงานในองค์กรเล็ก ๆ ก็ใช้ Shared Hosting ก็เพียงพอต่อการทำงานแล้ว
3. Cloud Hosting
Cloud Hosting คือ บริการการจักเก็บข้อมูลด้วยเทคโนโลยี Cloud ซึ่งหากเราจะแปลความหมายที่ตรงตัวของ Cloud เลย ก็จะแปลว่า ก้อนเมฆ ซึ่งนี่แหละที่เป็นจุดเด่นเพราะมันเปรียบเสมือนการทำงานที่ไม่มีที่สิ้นสุดนั่นเอง อย่างใครที่เคยทำเว็บไซต์ต่าง ๆ หรือเคยทำอะไรที่ไปเกี่ยวข้องกับการจัดการเว็บไซต์นั้น ก็จะต้องใช้ Web Hosting ซึ่งก็จะเป็นการไปเช่า Sever เพื่อใช้ในการจัดเก็บข้อมูล แต่ในบางครั้งก็เกิดปัญหาที่พบบ่อย ๆ ค่ะ อย่างการที่เว็บล่มแล้ทำให้ข้อมูลที่อยู่ในนั้นเกิดข้อผิดพลาดหรือได้รับความเสียหาย
แต่เมื่อเราเปลี่ยนมาใช้งาน Cloud Hosting แล้ว ก็จะรู้สึกถึงความต่างค่ะ เพราะเขาทำงานกันแบบแยกระบบการทำงาน อย่างการที่เรานั้นนำข้อมูลที่เราต้องการเก็บไปไว้ที่ Server 1 แล้ว ทาง Server 1 ก็จะทำการประมวลผลข้อมูลนั้น ๆ เพื่อทำการส่งต่อไปที่ Server 2 และ Server 2 ก็จะทำเก็บข้อมูลที่เราต้องการเก็บไป ซึ่งข้อดีที่เห็นได้อย่างชัดเจนของการใช้งาน Cloud Hosting นี้เลยก็คือ เรื่องของการจัดการปัญหาที่มักจะพบได้บ่อยจากการใช้งาน Web Hosting ที่เว็บล่มแล้วข้อมูลหาย หรือบางทีเกิดจากปัญหาของ Server ที่ได้เช้าไปมีปัญหาแล้วส่งผลต่อข้อมูลที่ได้บันทึกไป ทำให้เมื่อเกิดปัญหาเว็บล่มขึ้น Cloud Hosting จะสามารถทำงานอีกหนึ่งเครื่องต่อได้โดยที่ไม่สะดุดเลย ซึ่งก็เหมาะกับการใช้งานในยุคสมัยนี้มากที่สุดเลยค่ะเพราะจะทำให้ธุรกิตที่ทำนั้นดำเนินต่อไปได้อย่างไม่มีสะดุดนั่นเอง
Free Web Hosting
Free Web Hosting คือ เว็บโฮสท์ติ้งฟรี ที่ผู้ใช้งานสามารถใช้งานโดยไม่มีการคิดค่าบริการ ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งบริการที่มีความน่าสนใจค่ะเพราะอย่างที่รู้กันว่าเว็บโฮสท์ติ้งประเภทนี้นั้นมันสามารถใช้งานได้ฟรีและไม่มีค่าบริการใด ๆ เลย อีกทั้งยังมีผู้ที่ใช้งานค่อนข้างเยอะพอสมควร โดยส่วนมากก็จะเป็นคนที่เริ่มทำเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ใช้การลงทุนน้อย และการทำงานของเขาก็จะเหมือนกับเว็บโฮสท์ติ้งทั่วไป แต่ข้อเสียของเขานั้นจะเห็นได้ชัดเจนมาก ๆ ค่ะ เพราะเขาไม่มีคนที่คอยดูแลระบบ ซึ่งก็จะเสี่ยงต่อการที่จะโดนแฮคข้อมูลหรือข้อมูลอาจสูญหายหรือเกิดการผิดพลาดได้ ดังนั้นการใช้งาน Free Web Hosting นั้น ก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป
อีกทั้งข้อเสียที่สามารถพบเห็นได้ก็คือ เมื่อใช้งานแล้วก็มักจะมีโฆษณาขึ้นเป็นป็อปอัพอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งก็แน่นอนค่ะว่าการที่มีโฆษณาเหล่านี้ขึ้นนั้นก็เปรียบเสมือนกับการที่ขับรถแล้วข้างถนนมีแต่ขยะ เพราะทำมห้เสียทัศนียภาพในการใช้งานนั่นเอง และนอกจากนี้ข้อเสียที่พบได้บ่อยก็คือการใช้งาน Free Web Hosting นี้ จะทำให้เว็บไซต์ของเรามีความน่าเชื่อถือน้อยลง ดังนั้นจึงต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนเริ่มใช้งาน
สรุปเกี่ยวกับ Hosting
Web Hosting เป็นบริการที่เหมาะกับการเก็บข้อมูลหรือไฟล์ที่ต้องการต่าง ๆ เอาไว้ ซึ่งมีทั้งความปลอดภัยในการเก็บ อีกทั้งยังช่วยให้การทำงานมีความสะดวก และสามารถเรียกใช้งานได้ง่าย โดยจะมีการเก็บค่าบริการที่สามารถเลือกได้ตามแพ็คเกจทั้งแบบรายเดือนและรายปี หากใครที่ต้องการทำเว็บไซต์หรือการทำธุรกิจต่าง ๆ นั้น การเลือกใช้ Web Hosting ที่ต้อเก็บค่าบริการจะดีกว่าการใช้ Free Web Hosting เสมอค่ะ