Saturday, 18 May 2024

Website คืออะไร

29 Dec 2023
212

Website คืออะไร แพลตฟอร์มออนไลน์ที่สร้างรายได้หลักแสนบาทแซงหน้าโซเชี่ยลมีเดีย

Website คืออะไร แพลตฟอร์มออนไลน์ที่สร้างรายได้หลักแสนบาทแซงหน้าโซเชี่ยลมีเดีย

เว็บไซต์ (Website) เว็บเพจ (Web Page) โฮมเพจ (home Page) และเว็บเบราเซอร์ (Web Browser) 4 คำนี้ถือเป็นคำที่เกี่ยวข้องกัน เป็นคำที่เมื่อนำมารวมกันแล้วจะสามารถสร้างแพลตฟอร์มที่ทำรายได้แสนบาทต่อเดือนได้เลยที่เดียวครับ

Home Page คืออะไร

Home Page คือหน้าแรกของเว็บไซต์ครับ เช่น หน้าแรกของเว็บไซต์ยางมะตูมก็คือ yangmatoom.com หรือหน้าแรกของเว็บไซต์พันทิปคือ pantip.com ส่วนใหญ่แล้วหน้าแรกจะใช้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซต์นั้นๆ เช่น เว็บไซต์พันทิปก็นำเสนอห้องแต่ละห้องว่ามีอะไรบ้าง และมีลิงก์ทางเข้าตรงไหนบ้างครับ

Web Page คืออะไร

หากเราให้นิยามเว็บไซต์ว่าหนังสือหนึ่งเล่ม ตัวเว็บเพจก็คือหน้า 1 หน้าของเว็บไซต์ ดังนั้นเว็บเพจจึงเป็นส่วนหนึ่งเว็บไซต์ครับ ยกตัวอย่างเช่น หน้าที่ท่านกำลังอ่านอยู่ตอนนี้ก็คือ เว็บเพจและเป็นส่วนหนึ่งของเว็บไซต์ยางมะตูมครับ

Website คืออะไร

เว็บไซต์ (Website) หรือไซต์ (Site) ถือเป็นแหล่งจัดเก็บข้อมูลหลายๆ แบบ เช่น รูปภาพ วีดิโอ ข้อความ หรือไฟล์อื่นๆ ออนไลน์ในระบบอินเตอร์เน็ตให้ผู้สนใจเข้าถึงได้ผ่าน URL โดยปกติแล้วเว็บไซต์สร้างด้วยภาษา HTML ในยุคที่ 1 ที่ถือว่าเว็บไซต์ยุคนี้เป็นยุคที่ผู้ท่อง (Surfer) เว็บไซต์สามารถเสพเนื้อหาได้เพียงอย่างเดียว กล่าวคือ เราไม่สามารถปฏิสัมพันธ์กับเว็บไซต์นั้นๆ ได้

เว็บไซต์ (Website) เว็บเพจ (Web Page) และโฮมเพจ (home Page)
เว็บไซต์ (Website) เว็บเพจ (Web Page) และโฮมเพจ (home Page)

ในเว็บไซต์ยุคที่ 2 นั้นจะมีการพัฒนาคือ ผู้ใช้งานสามารถปฏิสัมพันธ์ได้ เช่น การตอบกระทู้ในเว็บไซต์พันทิป การโพสต์รูปในสื่อสังคมออนไลน์อย่างทวิตเตอร์ เป็น นอกจากนี้แล้วเว็บไซต์ในยุคนี้ยังมีความสามารถใหม่ เช่น การนำเสนอข้อมูลที่มากกว่ารูปภาพและตัวหนังสือ อาจเป็นได้ทั้ง วีดิโอ ภาพเคลื่อนไหว แชทแบบเรียลไทม์ เป็นต้น

ส่วนในยุคที่ 3 ความสามรถของเว็บไซต์ยังคลุมเครือและยังไม่มีเว็บไซต์ไหนจัดอยู่ในประเภทของเว็บไซต์ยุคที่ 3 จริงๆ จังๆ สักทีเดียว และในปัจจุบันคนหันมาทำเว็บไซต์กันมากขึ้น โดยอัตราการเกิดและการล้มหายตายจากของเว็บไซต์มีสัดส่วนที่เยอะ ซึ่งเว็บในปัจจุบันที่เราพบเจอสามารถแบ่งได้ดังต่อไปนี้

1. เว็บไซต์หน่วยงาน

เว็บไซต์หน่วยงานคือ เว็บไซต์ที่เป็นของหน่วยงานนั้นๆ เช่น หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานภาคเอกชนครับ ยกตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา (ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ) หรือเว็บไซต์การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เป็นต้น ใช้เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร และบอกลูกค้าว่าหน่วยงานนี้ทำอะไร

ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา (ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ) เว็บไซต์หน่วยงานราชการ
ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา (ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ) เว็บไซต์หน่วยงานราชการ

2. เว็บไซต์ขายสินค้า

เว็บไซต์ขายสินค้า คือเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) เหมือนการขอยของบนโลกออฟไลน์ที่มีหน้าร้านแต่เราไปขายบนเว็บไซต์แทน เช่น เว็บไซต์ลาซาด้า เว็บไซต์ชอปปี้ และเว็บไซต์อาลีบาบาของคุณแจ็ค หม่า เป็นต้น ซึ่งในช่วงโควิดที่ผ่านยอดขายสอนค้าออนไลน์พุ่งสูงขึ้นเนื่องคนทำงานจากที่บ้านกันเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์

shopee.com เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
shopee.com เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซชื่อดังในประเทศไทย

3. เว็บไซต์สื่อสังคมออนไลน์

สังคมออนไลน์ที่ยมตัวแรกๆ คงนี้ไม่พ้นเว็บไซต์เฟสบุ๊ค (Facebook) ซึ่งจุดประสงค์ของเว็บไซต์ลักษณะคือการให้ผู้ใช้งานปฏิสัมพันธ์กัน เช่น โพสต์ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ หรือการคอมเมนต์ หรือจะเป็นการแชร์ข้อมูลข่าวสารให้คนที่ติดตามเรารับรู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ นอกจากนี้ยังมีเว็บไซต์สื่อสังคมออนไลน์ตัวอื่นๆ เช่น อินสตราแกรมใช้โพสต์ภาพและวิด๊โอสั้นเป็นหลัก ยูทูปโพสต์วิดีโอหรือไลฟ์สดก็สามารถทำได้ครับ และในปัจจุบันสื่อสังคมออนไลน์ก็ขายของได้เราเรียกว่า Social Commerce ครับ

VK เว็บไซต์สื่อสังคมออนไลน์สัญชาติรัสเซีย
VK เว็บไซต์สื่อสังคมออนไลน์สัญชาติรัสเซีย

4. เว็บไซต์ส่วนตัว

เว็บไซต์ส่วนตัวเป็นได้หลายอย่าง เช่น เว็บไซต์เก็บผลงาน (Portfolio) หรือเว็บบล็อก (Blog) ที่เขียนเรื่องราวส่วนตัวอย่าง การท่องเที่ยว การกิน หรือเรื่องที่เจ้าของเว็บไซต์สนใจก็ได้เช่นเดียวกัน

menn.blog เว็บไซต์ส่วนตัว
menn.blog เว็บไซต์ส่วนตัวของคุณเม่น

5. เว็บบอร์ด

ในช่วงเว็บไซต์ยุคที่ 2 ความสามารถของเว็บไซต์จะเป็นการที่ผู้ใช้งานโต้ตอบได้ เช่น ตั้งกระทู้ หรือตอบคำถามได้ครับ เว็บบอร์ดจึงเป็นที่นิยมกันมากในยุคนั้น แต่ในสมัยนี้เว็บไซต์สื่อสังคมออนไลน์ได้รับความนิยมและเข้ามาทดแทนได้เกือบทั้งหมด เว็บบอร์ดจึงค่อยๆ หายไปจากโลกออนไลน์ แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีให้เห็นบ้าง เช่น เว็บไซต์พันทิป หรือไทยเอสอีโอ เป็นต้น

thaiseoboard.com เว็บบอร์ดที่มีชื่อเสียงด้าน SEO

นอกจาก 5 ประเภทเว็บไซต์ที่ได้พูดถึงข้างต้นแล้วยังมี เว็บไซต์อีกหลายประเภทที่แยกย่อยออกไปอีกมากมาย เช่น เว็บไซต์รวบรวมผลงาน เว็บไซต์สร้างคิวอาร์โค้ด แต่ตัวอย่างที่ยกมาข้างต้นถือว่าเราพบเจอเป็นประจำบนโลกออนไลน์ครับ

เว็บไซต์มีประโยชน์อย่างไร

1. สร้างความน่าเชื่อถือ

การปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าเว็บไซต์ถือเป็นช่องทางหนึ่งในการเข้าถึงลูกค้า แตกต่างจากในสมัยก่อนที่เราจะเข้าลูกค้าด้วยการโทรศัพท์ ใบปลิว หรือโฆษณาทางโทรทัศน์ และในสมัยนี้ลูกค้าต้องการความน่าเชื่อถือ เช่น มีตัวตนอยู่จริงไหม สำนักงานอยู่ที่ไหน ทำธุรกิจมาแล้วกี่ปี และมีเว็บไซต์หรือไม่ เพราะฉะนั้นแล้วเว็บไซต์จึงเป็นส่วนเสริมเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจและหน่วยงานของคุณได้ครับ

2. เผยแพร่ข้อมูล

ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่ในโลกออนไลน์มากกว่าโลกออฟไลน์เสียอีก ดังนั้นการมีเว็บไซต์เพื่อใช้เผยแพร่ข้อมูลถือเป็นเรื่องที่ควรทำ ไม่ว่าข้อมูลนั้นจะเป็นเรื่องส่วนตัวอย่างการท่องเที่ยว การงาน ผลงานที่เคยทำ หรือเรื่องราวตามความสนใจ หากเป็นเว็บไซต์หน่วยงานก็เผยแพร่ข่าวความเคลื่อนไหว สินค้า และบริการ

3. สร้างรายได้

นอกจากจะใช้เผยแพร่ข้อมูล และสร้างความน่าเชื่อถือแก้ลูกค้าหรือผู้ใช้งานแล้ว เว็บไซต์ยังสร้างรายได้จากบทความอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นรับลงบทความ การรับลงป้ายโฆษณา การเขียนรีวิวสินค้า รายได้จะมากจะน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณคนเข้าในแต่ละเดือนครับ

4. เข้าถึงได้ตลอดเวลา

เดี๋ยวนี้อะไรต้อง 24 ชั่วโมงแล้วครับ การมีเว็บไซต์จะทำหน้าที่แทนเราในแง่มุมต่างๆ เช่น คนอ่านบทความได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซื้อของได้ตลอด ดูวีดิโอได้ตลอด หาที่อยู่หรือแม้กระทั่งสินค้าและบริการของเราได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง

5. เก็บสถิติลูกค้าได้

เว็บไซต์ทุกเว็บไซต์เดี๋ยวนี้เก็บข้อมูลลูกค้าทั้งสิ้น เช่น การคลิก การซื้อ ระยะในการอ่านบทความ เป็นต้น ข้อมูลเหล่านี้ถือเป็นเรื่องมีค่าดั่งทองคำทั้งสิ้น เพราะสามารถไปออกแบบเว็บไซต์ สินค้า และบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดีที่เดียวครับ